ค้นหาบล็อกนี้
วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560
กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดทุกประเด็นการร้องเรียน!!! เพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการรถแท็กซี่ กรณีเป็นภัยต่อสังคม กระทบชื่อเสียงประเทศหรือผิดซ้ำซาก โทษหนักถึงขั้นพักใช้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถและผู้ประกอบการต้องมีส่วนรับผิดชอบทุกกรณี เพื่อรักษามาตรฐานการให้บริการและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการให้บริการรถแท็กซี่ ทั้งที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามายังกรมการขนส่งทางบกโดยตรง หรือการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการลงพื้นที่กวดขันตรวจสอบพฤติกรรมการให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีมาตรการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวดจริงจังทุกกรณี
โดยเฉพาะความผิดที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พิจารณาลงโทษพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที เช่น กรณีรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน มช-3666 กรุงเทพมหานคร มีนายรุ่งนคร ดลกุล เป็นผู้ขับรถ มีพฤติกรรมปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร แสดงกิริยาไม่สุภาพ ข่มขู่คุกคามผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถทันที 1 เดือน พร้อมเปรียบเทียบปรับในฐานความผิดปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารสูงสุด 1,000 บาท และแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ อีกเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท พร้อมส่งตัวเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกฎระเบียบและจิตสำนึกในการขับรถที่ดี พร้อมทั้งบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะเพื่อตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมต่อไป ทั้งนี้ ได้ประสานบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ให้พิจารณาควบคุมกำกับดูแลพฤติกรรมของแท็กซี่ที่เป็นสมาชิกอย่างเข้มงวดต่อไป และหากผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาความผิดตามข่าว ก็จะสามารถเอาผิดตามกฎหมายอื่นทั้งทางแพ่งและอาญาได้
ส่วนกรณี คนขับรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน ทย-872 กรุงเทพมหานคร พยายามกระทำอนาจารต่อหญิงสาวชาวเมียนมา และพบประวัติมีหมายจับของศาลจังหวัดระยอง เมื่อปี 2558 ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุต่ำกว่า 15 ปี นั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าศาลได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นการออกหมายจับหลังจากที่นายคมสรรณ์ฯ ได้รับใบอนุญาตขับรถสาธารณะแล้ว กรมการขนส่งทางบกจึงได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของนายคมสรรณ์ฯ ทันที พร้อมลงโทษ บริษัท ทู-มิเตอร์ ทรานสปอร์ต จำกัด เจ้าของรถ มาลงโทษฐานไม่จัดส่งประวัติผู้ขับรถปรับในอัตราขั้นสูงสุดพร้อมระงับการขอเพิ่มรถ ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ขับรถมาดำเนินคดีอาญา ซึ่งได้เบาะแสพยานหลักฐานทั้งตัวรถและภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน โดยกรมการขนส่งทางบกพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน และจะติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป
.
นอกจากนี้ ยังได้เร่งติดตามผลคดีกรณีคนขับรถแท็กซี่ขโมยเงินวิศวกรชาวอังกฤษ 500 ยูโร ขณะเรียกใช้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิให้ไปส่งพัทยา ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 โดยนายพอล คริสโตเฟอร์ ชาปเลท ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายโยธิน สุวรรณวิจิตร ผู้ขับรถแท็กซี่ ที่สถานีตำรวจสุวรรณภูมิ ข้อหาขโมยเงินจำนวนเงิน 14,000 บาท ขณะที่นายพอลฯ รอขึ้นรถแท็กซี่บริเวณท่าอากาศสุวรรณภูมิเพื่อไปพัทยา อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูล ไม่พบว่านายโยธินฯ มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน กรมการขนส่งทางบก จึงบันทึกประวัตินายโยธินฯ เป็นบุคคลซึ่งห้ามทำใบขับขี่รถสาธารณะต่อไป พร้อมประสานพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อติดตามผลคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาลงโทษผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ ขั้นสูงสุดต่อไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกมีขั้นตอนในการคัดกรองผู้ขับรถสาธารณะอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้โดยสาร ซึ่งจะสามารถติดตามรถ ติดตามตัวคนขับรถมาดำเนินการทางกฎหมายได้ทุกคน ได้ทุกคัน ที่กระทำความผิดทุกกรณี เนื่องจากมีประวัติฐานข้อมูลที่กรมการขนส่งทางบกทุกประเภททุกคัน และผู้ขับรถได้รับการคัดกรองผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังมีมาตรการขั้นเด็ดขาดลงโทษผู้กระทำความผิดขั้นสูงสุดทุกกรณี มีมาตรการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมาบังคับใช้สำหรับผู้ขับรถที่กระทำความผิดซ้ำซาก รวมถึงกรณีความผิดร้ายแรงและเข้าข่ายเป็นภัยสังคมหรือลามกอนาจาร มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศ พร้อมเข้มงวดกับผู้ประกอบการและเจ้าของรถ หากละเลยไม่กำกับดูแลคนขับรถ จะถูกจำกัดสิทธิในการขอจดทะเบียนเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ และในคดีที่ก่อเหตุร้ายแรงจะถูกเพิกถอนทะเบียนรถ ซึ่งผู้ประกอบการและเจ้าของรถต้องพร้อมให้ความร่วมมือกับทางราชการในการตรวจสอบเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ในทางคู่ขนาน กรมการขนส่งทางบกได้พัฒนายกระดับมาตรฐานรถแท็กซี่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ความปลอดภัย โดยดำเนินโครงการ TAXI OK / TAXI VIP โดย โครงการ TAXI-OK เป็นการยกระดับการให้บริการแท็กซี่ในปัจจุบัน โดยการติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, กล้อง CCTV, มีปุ่มฉุกเฉิน (ส่งข้อมูล Online มาที่ศูนย์ GPS ทันที), มีระบบแจ้งเตือนการใช้ความเร็ว รวมถึงจัดทำระบบเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงการให้บริการ เพิ่มความสะดวก ป้องกันปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร การไม่เปิดมิเตอร์ ติดตามพฤติกรรมตลอดการให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และโครงการ TAXI VIP หรือรถแท็กซี่ชนิดพิเศษ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการให้บริการของประชาชน โดยใช้รถที่มีมาตรฐานขนาดตัวรถและสมรรถนะที่สูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เพิ่มอุปกรณ์ส่วนควบสำหรับให้บริการที่มีความสะดวกมากขึ้น เพิ่มเติมจากข้อกำหนดการติดตั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ส่วนควบตามโครงการ TAXI OK อีกทั้ง ผู้ประกอบการต้องเป็นนิติบุคคล มีความพร้อมทางธุรกิจมีแผนการประกอบการแบบมืออาชีพ ซึ่งร่างกฎกระทรวงทั้งสองฉบับได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ปัจจุบันอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดการสร้างความเข้าใจ การมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ตามโครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในวันที่ 21 เมษายน 2560 นี้ พร้อมจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนสามารถร้องเรียนการให้บริการที่ไม่พึงประสงค์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ทางสายด่วน 1584,ทางเว็บไซด์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ , E-Mail dlt_1584complain@hotmail.com, Application ชื่อ “ร้องเรียนรถสาธารณะ” หรือ “dlt check-in”, FACEBOOK ชื่อ “ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584”, LINE ID ชื่อ “1584dlt” , ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐ (GCC1111) ผ่านระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล สำนักนายกรัฐมนตรี, ทางจดหมาย/หนังสือร้องเรียน ส่งมายังกรมการขนส่งทางบก หรือร้องเรียนด้วยตนเอง ได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน กองตรวจการขนส่งทางบก อาคาร 3 ชั้น 4 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
แหล่งที่มาข้อมูล... กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News